
E-Mail Marketing คือ กระบวนการส่งข้อมูล ข้อเสนอ หรือโปรโมชั่นผ่านทางอีเมลไปยังลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมาย โดยมุ่งหวังที่จะสร้างความสัมพันธ์ กระตุ้นยอดขาย หรือเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของธุรกิจ การทำ E Mail Marketing มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า เนื่องจากสามารถสื่อสารโดยตรงและเฉพาะเจาะจงไปยังกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้น ๆ
ใช้งานได้หลายรูปแบบ เช่น การส่งอีเมลแจ้งโปรโมชั่น การส่งอีเมลข้อมูลข่าวสาร การส่งอีเมลเชิญชวนให้เข้าร่วมกิจกรรม หรือการส่งอีเมลเพื่อยืนยันการสั่งซื้อ ทั้งนี้ การทำ E Mail Marketing ที่ดีควรมุ่งเน้นไปที่การให้คุณค่าแก่ผู้รับอีเมลมากกว่าการเน้นขายเพียงอย่างเดียว เพราะถ้าหากผู้รับรู้สึกว่าได้รับประโยชน์จากการอ่านอีเมลนั้น พวกเขาจะมีแนวโน้มที่จะเปิดอ่านอีเมลจากแบรนด์นั้น ๆ ในอนาคต วันนี้พวกเรา GODYSMS จะพาคุณไปสำรวจเกี่ยวกับการทำตลาดด้วย Email กัน
เมื่อเทียบกับช่องทางการตลาดอื่น ๆ เช่น การโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย การใช้ Google Ads หรือการตลาดผ่าน SMS การทำ E Mail Marketing ถือเป็นวิธีการที่ประหยัดต้นทุนมากที่สุด เพราะสามารถทำได้ฟรี หนึ่งในข้อดีที่สำคัญของการส่ง E-Mail คือการสามารถสร้างความสัมพันธ์และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้
1. เตรียม Email ที่ต้องการส่ง ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดคือการเตรียมอีเมลที่คุณต้องการจะส่ง การเตรียมอีเมลไม่ใช่แค่การพิมพ์เนื้อหาออกมาเท่านั้น แต่ยังต้องพิจารณาถึงองค์ประกอบอื่น ๆ ที่จะช่วยให้อีเมลนั้นมีประสิทธิภาพ เช่น การออกแบบ Layout การจัดวางเนื้อหา การเลือกภาพประกอบ รวมถึงการตั้งค่าให้แน่ใจว่าอีเมลสามารถแสดงผลได้ดีทั้งในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และมือถือ
2. คัดลูกค้าแต่ละประเภท หรือ แบ่งกลุ่ม การแบ่งกลุ่มลูกค้า เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญในการทำ E Mail Marketing เพราะลูกค้าแต่ละคนมีความต้องการและความสนใจที่แตกต่างกัน
3. คิดหัวข้อพาดหัวให้โดนใจ H1 หัวข้อพาดหัว (Headline) หรือ H1 เป็นสิ่งแรกที่ผู้รับอีเมลจะเห็นและเป็นตัวตัดสินใจว่าพวกเขาจะเปิดอ่านอีเมลหรือไม่ หัวข้อพาดหัวที่ดีควรเป็นหัวข้อที่สั้น กระชับ และสร้างความสนใจให้กับผู้รับ หัวข้อที่ชัดเจนและตรงประเด็นจะช่วยให้ผู้รับทราบได้ทันทีว่าอีเมลนั้นเกี่ยวข้องกับอะไร
4. คิดหัวข้ออื่น H2, H3 นอกจากหัวข้อพาดหัวหลัก (H1) แล้ว การใช้หัวข้อย่อย (H2, H3) ภายในอีเมลก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะจะช่วยให้ผู้อ่านสามารถสแกนและค้นหาเนื้อหาที่สนใจได้ง่ายขึ้น หัวข้อย่อยควรเป็นคำที่ชัดเจนและสื่อถึงเนื้อหาที่ตามมา เช่น หากคุณกำลังเสนอโปรโมชั่น หัวข้อย่อยอาจเป็น "รายละเอียดโปรโมชั่น" หรือ "เงื่อนไขและข้อกำหนด" การใช้หัวข้อย่อยยังช่วยให้ผู้รับสามารถเข้าใจเนื้อหาทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องอ่านทั้งอีเมล
5. เนื้อหาภายในกระชับ ได้ใจความ ชวนอ่านต่อ เนื้อหาภายในอีเมลควรเป็นเนื้อหาที่กระชับและได้ใจความ สื่อสารอย่างชัดเจนและตรงประเด็น โดยควรเน้นที่การให้คุณค่าแก่ผู้อ่านมากกว่าการเน้นขายเพียงอย่างเดียว การใช้ภาษาที่เป็นมิตรและเข้าใจง่ายจะช่วยให้ผู้รับอีเมลรู้สึกสบายใจและมีแนวโน้มที่จะตอบสนองต่อข้อเสนอของคุณ
6. ถ้าคุณทราบชื่อผู้รับ การใส่ชื่อผู้รับเช่น เรียนคุณมงคล Email ฉบับนั้นจะน่าสนใจกว่าเดิม การใส่ชื่อผู้รับในอีเมลเป็นเทคนิคที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจและทำให้อีเมลดูเป็นส่วนตัวมากขึ้น การใช้คำว่า "เรียนคุณ [ชื่อผู้รับ]" จะช่วยให้ผู้รับรู้สึกว่าอีเมลนั้นถูกส่งมาเพื่อเขาหรือเธอโดยเฉพาะ และมีแนวโน้มที่จะเปิดอ่านอีเมลมากขึ้น
7. ภาพประกอบที่แนบไป ทำให้ดี เข้าใจง่าย เพื่อการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ภาพประกอบควรเป็นภาพที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาภายในอีเมลและไม่ควรใช้ภาพที่มีขนาดใหญ่เกินไปเพื่อไม่ให้อีเมลโหลดช้า นอกจากนี้ การใช้ภาพที่มีการจัดวาง Layout ที่ดีและเหมาะสมกับอุปกรณ์ที่ผู้รับใช้งานจะช่วยให้การแสดงผลของอีเมลมีความสวยงามและเป็นระเบียบ
8. คุณสามารถแทรกลิงก์สำหรับการวัดผลไว้ได้ การแทรกลิงก์ภายในอีเมลเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณสามารถวัดผลการทำ E Mail Marketing ได้ เช่น การแทรกลิงก์ไปยังหน้าเว็บไซต์ของคุณหรือไปยังหน้าสั่งซื้อสินค้าหรือบริการ การใช้ลิงก์ช่วยให้คุณสามารถติดตามและวัดผลได้ว่ามีผู้รับกี่คนที่คลิกลิงก์และเข้าสู่เว็บไซต์ของคุณ
9. ช่องทางการติดต่อกลับ ในตอนท้ายของอีเมลคุณควรใส่ช่องทางการติดต่อกลับไว้ให้กับผู้รับ เช่น ที่อยู่อีเมล เบอร์โทรศัพท์ หรือช่องทางโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ผู้รับสามารถติดต่อคุณได้อย่างง่ายดายหากมีคำถามหรือสนใจในสินค้าหรือบริการของคุณ
แม้ว่า E-Mail Marketing และ SMS Marketing จะเป็นวิธีการตลาดที่ใช้ในการสื่อสารกับลูกค้าโดยตรง แต่ก็มีความแตกต่างกันในหลายด้าน เช่น
ความยาวของข้อความ E Mail Marketing มีความยืดหยุ่นในการเขียนข้อความที่ยาวหรือสั้นตามความต้องการ ขณะที่ SMS Marketing มีข้อจำกัดในเรื่องความยาวของข้อความที่สามารถส่งได้
การออกแบบและการใช้ภาพประกอบ E Mail Marketing สามารถใช้ภาพประกอบและการจัดวางเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับอีเมลได้ ขณะที่ SMS Marketing เป็นการส่งข้อความที่เป็นข้อความล้วน ๆ โดยไม่มีภาพประกอบ
ค่าใช้จ่าย E Mail Marketing มีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าการส่ง SMS Marketing โดยเฉพาะเมื่อใช้บริการแพลตฟอร์มที่รองรับการส่งอีเมลจำนวนมาก
อัตราการเปิดอ่าน อัตราการเปิดอ่านของ E Mail Marketing มักจะต่ำกว่า SMS Marketing เนื่องจากผู้คนมักจะได้รับอีเมลจำนวนมากในแต่ละวัน ขณะที่ SMS Marketing มีอัตราการเปิดอ่านที่สูงกว่า เนื่องจากผู้คนมักจะเปิดอ่านข้อความ SMS ทันทีเมื่อได้รับ
หากคุณต้องการทำ SMS Marketing หรือ บริการส่งข้อความทุกรูปแบบ ที่ช่วยดันยอดธุรกิจของคุณ สามารถติดต่อปรึกษา GODYSMS ได้ตลอดเวลา
อัพเดทข่าวสารและบทความต่างๆ เกี่ยวกับ "GODYSMS"
เพื่อให้ท่านรับรู้ทุกความเคลื่อนไหวของเรา
ลองนึกภาพว่า คุณมีอะไรด่วนต้องแจ้งลูกค้า ไม่ถึง 1 นาที ข้อความก็เด้งไปถึงเครื่อง...
อ่านเพิ่มเติม<b>วิธีการหาลูกค้าของ Sale</b> ไม่ใช่แค่เรื่องของโชค แต่เป็นเรื่องของระบบ ความพย...
อ่านเพิ่มเติมในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การแข่งขันไม่ใช่แค่เรื่องของคุณภาพสินค้าเท...
อ่านเพิ่มเติม